UNIT 02

แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ

เจาะลึกทฤษฎีการจัดการสมัยใหม่ ทรัพยากรองค์การ และ 4 ภารกิจหลักทางธุรกิจ
(การจัดการทรัพยากรมนุษย์, การตลาด, การผลิต, และการเงินการบัญชี)

บทนำ: ความสำคัญของการจัดการในโลกธุรกิจ

ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว "การจัดการ" (Management) เปรียบเสมือนเข็มทิศและเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนองค์การให้ก้าวไปข้างหน้า การมีทรัพยากรที่เพียบพร้อมเพียงอย่างเดียวไม่ว่าจะเป็นเงินทุนหรือเทคโนโลยี ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้หากขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ

หน่วยการเรียนรู้นี้จะพาท่านเจาะลึกถึงรากฐานของศาสตร์แห่งการจัดการ ตั้งแต่นิยามความหมายที่หลากหลายจากนักวิชาการระดับโลก ไปจนถึงการวิเคราะห์เจาะลึกในภารกิจหลัก 4 ด้านของธุรกิจ คือ การบริหารคน (HR), การบริหารตลาด (Marketing), การบริหารการผลิต (Production), และการบริหารเงิน (Finance/Accounting) โดยเนื้อหาทั้งหมดได้ถูกเรียบเรียงใหม่ให้มีความละเอียด ลึกซึ้ง และเชื่อมโยงกับบริบทของกฎหมายและมาตรฐานวิชาชีพในประเทศไทย

ส่วนที่ 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการ (Concepts of Management)

การทำความเข้าใจ "การจัดการ" อย่างถ่องแท้เป็นจุดเริ่มต้นของนักบริหารมืออาชีพ เนื้อหาในส่วนนี้จะอธิบายถึงนิยาม ลักษณะธรรมชาติ และกระบวนการจัดการที่เป็นสากล

2.1.1 ความหมายและลักษณะของการจัดการ

1. นิยามความหมาย (Definitions)

คำว่า "การจัดการ" (Management) มีความหมายที่ลึกซึ้งและหลากหลายตามมุมมองของนักวิชาการและสมาคมวิชาชีพต่างๆ ดังนี้:

American Management Association (AMA):
"The process of getting work done through people"
(กระบวนการที่ทำให้งานบรรลุผลสำเร็จผ่านบุคคล)

นอกจากนิยามหลักของ AMA แล้ว ยังมีมุมมองที่น่าสนใจจากนักวิชาการท่านอื่นๆ:

  • Koontz and O'Donnell (1955): มองว่าการจัดการเป็น "ศิลปะ" ในการทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จผ่านบุคคลหรือกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เน้นย้ำเรื่องความร่วมมือของกลุ่มคน
  • Peter Drucker (1974): บิดาแห่งการจัดการสมัยใหม่ นิยามว่าการจัดการเป็นศิลปะในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกับผู้อื่น เน้นผลลัพธ์ (Results) มากกว่ากระบวนการ
  • Harold Koontz & Heinz Weihrich (2015): ขยายความว่าคือกระบวนการ "ออกแบบและรักษาสภาพแวดล้อม" ที่บุคคลทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Griffin (2016): มองในเชิง "หน้าที่" (Functional Approach) ว่าเป็นชุดของหน้าที่ต่างๆ (การวางแผน, การจัดองค์การ, การนำ, การควบคุม) ที่กำหนดทิศทางการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สรุป: การจัดการคือกระบวนการผสมผสานทรัพยากรต่างๆ (คน, เงิน, ของ) ผ่านหน้าที่ทางการจัดการ เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

2. ลักษณะสำคัญของการจัดการ (Characteristics)

การจัดการมีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่สำคัญ 3 ประการ:

  1. ความเป็นศาสตร์และศิลป์ (Science and Art):
    • ความเป็นศาสตร์ (Science): เพราะมีองค์ความรู้ที่เป็นระบบ มีทฤษฎี กฎเกณฑ์ และหลักการที่ผ่านการพิสูจน์ทดลองมาแล้ว (เช่น หลักการแบ่งงานกันทำ, ทฤษฎีแรงจูงใจ) สามารถเรียนรู้และถ่ายทอดได้
    • ความเป็นศิลป์ (Art): เพราะการนำความรู้ไปใช้จริงต้องอาศัยทักษะส่วนบุคคล (Skill) ประสบการณ์ (Experience) และวิจารณญาณ (Judgment) ในการประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์และคนแต่ละประเภท ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
  2. การมุ่งเน้นความสำเร็จ (Goal Oriented): การจัดการต้องมีเป้าหมายเสมอ ไม่ใช่การทำไปเรื่อยๆ โดยต้องคำนึงถึง 2 มิติสำคัญ:
    • ประสิทธิภาพ (Efficiency): "Doing things right" คือการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดเพื่อให้ได้ผลผลิตมากที่สุด (Input < Output)
    • ประสิทธิผล (Effectiveness): "Doing the right things" คือการทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การ
  3. การผสมผสานสหวิทยาการ (Multidisciplinary): การจัดการไม่ใช่ศาสตร์เดี่ยวๆ แต่ต้องดึงความรู้จากหลายสาขามาใช้ร่วมกัน เช่น:
    • จิตวิทยา & สังคมวิทยา: เพื่อเข้าใจพฤติกรรมคนและการทำงานเป็นทีม
    • เศรษฐศาสตร์: เพื่อจัดสรรทรัพยากรที่มีจำกัด
    • คณิตศาสตร์ & สถิติ: เพื่อการพยากรณ์และการตัดสินใจ

2.1.2 หน้าที่ทางการจัดการ (Management Functions)

กระบวนการจัดการประกอบด้วย 4 หน้าที่หลักที่สัมพันธ์กันเป็นวัฏจักร (P-O-L-C Loop) ดังนี้:

1. การวางแผน (Planning)

จุดเริ่มต้นของการกำหนดทิศทาง

2. การจัดองค์การ (Organizing)

การสร้างโครงสร้างความสัมพันธ์

3. การนำ (Leading)

การจูงใจและการสื่อสาร

4. การควบคุม (Controlling)

การตรวจสอบและแก้ไข

รายละเอียดของแต่ละหน้าที่:

1. การวางแผน (Planning): เป็นกระบวนการกำหนดวัตถุประสงค์และวิธีการที่จะบรรลุผล แบ่งตามระดับการบริหารได้ดังนี้:

  • แผนกลยุทธ์ (Strategic Plans): จัดทำโดยผู้บริหารระดับสูง เน้นภาพรวมระยะยาว วิเคราะห์ SWOT และกำหนดวิสัยทัศน์
  • แผนยุทธวิธี (Tactical Plans): จัดทำโดยผู้บริหารระดับกลาง เพื่อรับลูกจากแผนกลยุทธ์มาแปลงเป็นแผนงานของฝ่าย
  • แผนปฏิบัติการ (Operational Plans): จัดทำโดยผู้บริหารระดับต้น เน้นรายละเอียดการทำงานประจำวัน/สัปดาห์

2. การจัดองค์การ (Organizing): คือการจัดสรรทรัพยากรและแบ่งงาน ประกอบด้วย:

  • การแบ่งแผนกงาน (Departmentation): จัดกลุ่มงานที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน (เช่น ฝ่ายผลิต, ฝ่ายการตลาด)
  • การกำหนดสายการบังคับบัญชา (Chain of Command): ระบุชัดเจนว่าใครต้องรายงานต่อใคร
  • การมอบหมายอำนาจหน้าที่ (Delegation): กระจายงานและความรับผิดชอบให้บุคลากร

3. การนำ (Leading): เป็นศิลปะในการใช้คน เกี่ยวข้องกับ:

  • ภาวะผู้นำ (Leadership): ความสามารถในการโน้มน้าวให้ผู้อื่นคล้อยตาม
  • การจูงใจ (Motivation): การเข้าใจความต้องการของลูกน้องและตอบสนองอย่างเหมาะสม (เช่น ทฤษฎี Maslow, Herzberg)
  • การสื่อสาร (Communication): การถ่ายทอดข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น

4. การควบคุม (Controlling): ขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้มั่นใจว่างานเป็นไปตามแผน:

  • การกำหนดมาตรฐาน (Standard Setting)
  • การวัดผลการปฏิบัติงาน (Measurement)
  • การเปรียบเทียบกับมาตรฐาน (Comparison)
  • การปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action)
มุมมองทางกฎหมาย

หน้าที่ความรับผิดชอบของกรรมการ (Fiduciary Duty)

พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และ ปพพ.

ในทางกฎหมาย ผู้ที่ทำหน้าที่ "จัดการ" สูงสุดในบริษัทคือ "คณะกรรมการบริษัท" ซึ่งกฎหมายไทยกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบไว้สูงมาก เพื่อคุ้มครองผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย:

  1. หน้าที่ความระมัดระวัง (Duty of Care): กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง เยี่ยงวิญญูชนผู้ประกอบธุรกิจเช่นนั้นพึงกระทำ การตัดสินใจทางธุรกิจ (Business Judgment) ต้องมีข้อมูลรองรับที่เพียงพอ ไม่ประมาทเลินเล่อ
  2. หน้าที่ความซื่อสัตย์สุจริต (Duty of Loyalty): กรรมการต้องตัดสินใจโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท (Best Interest of Company) ห้ามมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ห้ามแสวงหาผลกำไรส่วนตนจากการใช้ข้อมูลภายใน

บทลงโทษ: หากกรรมการละเลยหน้าที่จนบริษัทเสียหาย ผู้ถือหุ้นสามารถรวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกรรมการเป็นส่วนตัวได้ (Derivative Suit)

ส่วนที่ 2.2 แนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับธุรกิจ (General Concepts of Business)

2.2.1 ความหมายและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ

ธุรกิจ (Business) หมายถึง กิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดสินค้าหรือบริการ มีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย และมีวัตถุประสงค์เพื่อได้รับประโยชน์ตอบแทน โดยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

วัตถุประสงค์หลักของการจัดการธุรกิจ (Objectives)

แม้กำไรจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ธุรกิจต้องการ องค์การธุรกิจที่ดีต้องมีวัตถุประสงค์ที่สมดุล:

วัตถุประสงค์ รายละเอียด
1. กำไร (Profit) เป็นสิ่งจูงใจหลักของผู้ประกอบการ และเป็นแหล่งเงินทุนสะสมเพื่อขยายกิจการในอนาคต
2. ความอยู่รอด (Survival) สำคัญกว่ากำไรระยะสั้น คือความสามารถในการดำเนินกิจการต่อไปได้ในระยะยาว แม้จะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ
3. ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) การดำเนินธุรกิจต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม และต้องดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
4. การเจริญเติบโต (Growth) การขยายส่วนแบ่งตลาด (Market Share) การเพิ่มยอดขาย หรือการขยายสาขา
มุมมองทางบัญชี

หลักการดำเนินงานต่อเนื่อง (Going Concern)

กรอบแนวคิดสำหรับการรายงานทางการเงิน (Conceptual Framework)

ในทางบัญชี วัตถุประสงค์เรื่อง "ความอยู่รอด" มีความสำคัญสูงสุด เรียกว่า Going Concern Assumption

  • งบการเงินโดยปกติจะจัดทำขึ้นภายใต้ข้อสมมติว่ากิจการจะดำเนินงานต่อไปได้ในอนาคต (อย่างน้อย 12 เดือนข้างหน้า)
  • การวัดมูลค่าสินทรัพย์จะใช้ "ราคาทุน" หรือราคาตลาด เพราะสินทรัพย์นั้นจะถูกนำไปใช้งานเพื่อสร้างรายได้ต่อไป
  • หากกิจการไปไม่รอด: มาตรฐานบัญชีกำหนดให้ต้องเปลี่ยนเกณฑ์การวัดมูลค่าใหม่ เป็น "มูลค่าที่จะได้รับจากการขายทอดตลาด" (Liquidation Value) ซึ่งมักจะต่ำกว่าราคาทุนมาก และต้องรับรู้หนี้สินทั้งหมดทันที

2.2.2 ทรัพยากรทางธุรกิจ (Business Resources)

ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ เรียกว่า 4 M's:

  1. Man (คน): ทรัพยากรที่มีค่าที่สุด (Most Valuable Asset) เพราะคนเป็นผู้ขับเคลื่อนปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด ความสำเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับคุณภาพของคน
  2. Money (เงิน): เงินทุนเป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่น ต้องมีทั้งเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) สำหรับใช้จ่ายรายวัน และเงินทุนถาวร (Fixed Capital) สำหรับลงทุนระยะยาว
  3. Materials (วัตถุดิบ): สิ่งที่นำมาผ่านกระบวนการผลิต รวมถึงเครื่องจักร อุปกรณ์ และอาคารสถานที่
  4. Management (การจัดการ): คือ "สมอง" ที่คอยบริหารจัดการ 3 M แรกให้ทำงานสอดคล้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบัน มีการเพิ่มปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเป็น 6Ms หรือ 8Ms เช่น:

  • Machine: เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย
  • Method: วิธีการปฏิบัติงานที่มีมาตรฐาน (Standard Operation Procedure)
  • Market: ตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  • Motivation: แรงจูงใจในการทำงาน

ทดสอบความเข้าใจช่วงแรก

เรียนจบหัวข้อ "แนวคิดการจัดการ" และ "ทรัพยากรธุรกิจ" แล้ว
ลองมาทบทวนความรู้เบื้องต้นกันหน่อย ก่อนไปต่อที่ภารกิจหลัก

เริ่มทำแบบทดสอบ

ส่วนที่ 2.3 ภารกิจหลักของการดำเนินธุรกิจ (Main Missions of Business)

เพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง จำเป็นต้องมี "เสาหลัก" หรือภารกิจหน้าที่สำคัญ 4 ด้าน ซึ่งต้องทำงานประสานกันอย่างลงตัว

2.3.1 ภารกิจด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management: HRM)

HRM คือกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรที่มีคุณภาพ พัฒนาให้มีทักษะ รักษาไว้ให้อยู่กับองค์การ และใช้ประโยชน์จากพวกเขาให้สูงสุด

กิจกรรมหลัก 11 ประการของ HRM:

  1. การวิเคราะห์งาน (Job Analysis): การระบุหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณสมบัติของคนที่จะมาทำงาน (Job Description & Specification)
  2. การวางแผนกำลังคน (Manpower Planning): การพยากรณ์ความต้องการคนในอนาคต
  3. การสรรหา (Recruitment): การประกาศรับสมัครเพื่อดึงดูดคนเก่ง
  4. การคัดเลือก (Selection): การสัมภาษณ์ ทดสอบ เพื่อกรองคนที่ "ใช่" ที่สุด
  5. การบรรจุ (Staffing): การรับเข้าทำงานและการทำสัญญาจ้าง
  6. การฝึกอบรมและพัฒนา (Training & Development): การเพิ่มพูนทักษะ (Upskilling/Reskilling) และการปฐมนิเทศ
  7. ค่าตอบแทน (Compensation): การบริหารเงินเดือน โบนัส ให้ยุติธรรมและแข่งขันได้
  8. สวัสดิการ (Benefits): ประโยชน์เกื้อกูลอื่นๆ เช่น ประกันสุขภาพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  9. การประเมินผล (Performance Appraisal): การวัดผลงานเพื่อพิจารณาความดีความชอบ
  10. แรงงานสัมพันธ์ (Labor Relations): การดูแลความสัมพันธ์ นายจ้าง-ลูกจ้าง การเจรจาต่อรอง
  11. สุขภาพและความปลอดภัย (Health & Safety): การดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ปลอดภัย
มุมมองทางกฎหมาย

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับล่าสุด)

ผู้บริหารงานบุคคลต้องแม่นยำในข้อกฎหมายนี้ เพื่อป้องกันคดีความแรงงาน:

  • เวลาทำงาน: งานทั่วไปไม่เกิน 8 ชม./วัน หรือ 48 ชม./สัปดาห์
  • วันหยุด:
    • วันหยุดประจำสัปดาห์: ไม่น้อยกว่า 1 วัน/สัปดาห์
    • วันหยุดตามประเพณี: ไม่น้อยกว่า 13 วัน/ปี (รวมวันแรงงาน)
    • วันหยุดพักผ่อนประจำปี: ทำงานครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน
  • การเลิกจ้างและค่าชดเชย: หากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด ต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน:
    • ทำงาน 120 วัน - 1 ปี: จ่าย 30 วัน
    • ทำงาน 1 - 3 ปี: จ่าย 90 วัน
    • ทำงาน 3 - 6 ปี: จ่าย 180 วัน
    • ทำงาน 6 - 10 ปี: จ่าย 240 วัน
    • ทำงาน 10 - 20 ปี: จ่าย 300 วัน
    • ทำงาน 20 ปีขึ้นไป: จ่าย 400 วัน (อัตราใหม่)

2.3.2 ภารกิจด้านการตลาด (Marketing)

การตลาดไม่ใช่เพียงแค่ "การขาย" แต่คือกระบวนการสร้าง สื่อสาร และส่งมอบคุณค่า (Value) ไปยังลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจและนำมาซึ่งกำไรของธุรกิจ

หน้าที่ทางการตลาด 7 ประการ:

  • หน้าที่ในการแลกเปลี่ยน (Exchange): การซื้อและการขาย
  • หน้าที่ในการกระจายสินค้า (Distribution): การขนส่งและการเก็บรักษา
  • หน้าที่อำนวยความสะดวก (Facilitating): การเงิน การรับประกันความเสี่ยง
  • หน้าที่ในการวิจัยตลาด (Market Research): การหาข้อมูลความต้องการลูกค้า
  • หน้าที่ในการสื่อสาร (Communication): การโฆษณา ประชาสัมพันธ์
  • หน้าที่สร้างความแตกต่าง (Differentiation): การสร้างแบรนด์ บรรจุภัณฑ์
  • หน้าที่แบ่งส่วนตลาด (Segmentation): การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix - 4Ps):

  1. Product (ผลิตภัณฑ์): สินค้าหรือบริการต้องตอบโจทย์ (Problem Solution) มีคุณภาพ รูปแบบสวยงาม
  2. Price (ราคา): ราคาต้องสะท้อนคุณค่า (Value) ที่ลูกค้าได้รับ และแข่งขันได้ในตลาด
  3. Place (ช่องทางจำหน่าย): สินค้าต้องหาซื้อได้ง่าย สะดวก (Convenience) ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
  4. Promotion (การส่งเสริมการตลาด): การสื่อสารกับลูกค้า (Communication) ผ่านโฆษณา การขายโดยพนักงาน หรือโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม
มุมมองทางกฎหมาย

พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

นักการตลาดต้องระมัดระวังในการโฆษณาและการทำสัญญา:

  • ด้านการโฆษณา: ห้ามใช้ข้อความที่เป็นเท็จ เกินความจริง หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ (เช่น อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง)
  • ด้านฉลากสินค้า: ต้องระบุรายละเอียดให้ครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมาย (ชื่อสินค้า, ผู้ผลิต, วันหมดอายุ, วิธีใช้, คำเตือน) เป็นภาษาไทย
  • ด้านสัญญา: สัญญามาตรฐานต้องเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคเกินสมควร

2.3.3 ภารกิจด้านการผลิตและปฏิบัติการ (Production & Operations)

คือหัวใจของการสร้างสินค้า เป็นกระบวนการแปรรูป (Transformation Process) ทรัพยากรให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม

องค์ประกอบของระบบการผลิต:

  • ปัจจัยนำเข้า (Inputs): วัตถุดิบ แรงงาน เครื่องจักร พลังงาน ข้อมูล
  • กระบวนการแปลงสภาพ (Conversion Process): กรรมวิธีการผลิต การประกอบ การแปรรูปทางเคมีหรือกายภาพ
  • ผลผลิต (Outputs): สินค้าสำเร็จรูป ของเสีย (Waste) ของเสียที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
  • ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback): ข้อมูลคุณภาพ ปริมาณผลิต เพื่อนำมาปรับปรุงระบบ

กิจกรรมสำคัญในการผลิต:

  1. การวางแผนการผลิต (Production Planning): กำหนดว่าจะผลิตอะไร จำนวนเท่าไหร่ เมื่อไหร่ วางผังโรงงาน (Plant Layout)
  2. การดำเนินการผลิต (Operation): การเดินเครื่องจักร การควบคุมกระบวนการให้เป็นไปตามแผน
  3. การควบคุมการผลิต (Production Control): การควบคุมคุณภาพ (QC) การบำรุงรักษาเครื่องจักร การบริหารสินค้าคงคลัง

2.3.4 ภารกิจด้านการบัญชีและการเงิน (Accounting & Finance)

เปรียบเสมือน "ภาษาทางธุรกิจ" และ "เส้นเลือดใหญ่" ขององค์การ

ความแตกต่างระหว่างบัญชีและการเงิน:

  • การบัญชี (Accounting): เน้น อดีต เป็นการจดบันทึก รวบรวม และสรุปผลข้อมูลทางการเงินที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อจัดทำรายงานเสนอต่อผู้บริหารและบุคคลภายนอก
  • การเงิน (Finance): เน้น อนาคต เป็นการบริหารจัดการเงินทุน ตัดสินใจว่าจะหาเงินจากไหน (Sourcing) และจะนำเงินไปลงทุนอะไร (Investing) เพื่อให้เกิดความมั่งคั่งสูงสุด

งบการเงินหลัก 5 ประเภท:

  1. งบแสดงฐานะการเงิน (งบดุล): แสดงสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ ณ วันใดวันหนึ่ง (บอกความมั่งคั่ง)
  2. งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ: แสดงรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไร/ขาดทุน ในช่วงเวลาหนึ่ง (บอกความสามารถในการทำกำไร)
  3. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ: แสดงการเคลื่อนไหวของทุน กำไรสะสม และเงินปันผล
  4. งบกระแสเงินสด: แสดงที่มาและที่ไปของเงินสด (กิจกรรมดำเนินงาน, ลงทุน, จัดหาเงิน) สำคัญมากต่อสภาพคล่อง
  5. หมายเหตุประกอบงบการเงิน: รายละเอียดเพิ่มเติมและเกณฑ์ทางบัญชีที่ใช้
มุมมองทางบัญชี

พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543

กฎหมายกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจ ("ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี") ไว้อย่างเคร่งครัด:

  • ต้องจัดทำบัญชี: บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน นิติบุคคลต่างประเทศ ต้องเริ่มทำบัญชีนับตั้งแต่วันจดทะเบียน
  • ต้องมีผู้ทำบัญชี: ต้องจัดให้มีผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติถูกต้อง (วุฒิปริญญาตรีบัญชีสำหรับบริษัทขนาดใหญ่) และต้องขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี
  • การเก็บรักษาเอกสาร: ต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานที่ทำการ ไม่น้อยกว่า 5 ปี (อธิบดีขยายได้ถึง 7 ปี)
  • การยื่นงบการเงิน: ต้องนำส่งงบการเงินที่ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในเวลาที่กำหนด

บทสรุป

การจัดการธุรกิจเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและกว้างขวาง ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จต้องมีความเข้าใจทั้งในเชิง "ทฤษฎี" และ "ปฏิบัติ" อย่างถ่องแท้

  • ด้านการจัดการ: ต้องแม่นยำในหน้าที่ 4 ประการ (P-O-L-C) เพื่อขับเคลื่อนองค์การอย่างมีทิศทาง
  • ด้านทรัพยากร: ต้องบริหารจัดการ 4M's (คน เงิน ของ การจัดการ) ให้คุ้มค่าที่สุด
  • ด้านภารกิจ: ต้องบูรณาการงานทั้ง 4 ฝ่าย (HR, Marketing, Production, Finance) ให้ทำงานสอดประสานกัน

เหนือสิ่งอื่นใด การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ความถูกต้องตามกฎหมาย และ จริยธรรมทางธุรกิจ จึงจะนำพาองค์การไปสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ได้อย่างแท้จริง

พร้อมสอบ Unit 2 แล้วหรือยัง?

คุณได้อ่านบทเรียน Unit 2 จบแล้ว ลองมาทดสอบความเข้าใจกันเลย!
แบบทดสอบ 20 ข้อ (Recall, Analysis, Integration, Evaluation)
เวลา 20 นาที | มีเฉลยละเอียดพร้อมคำอธิบาย

เริ่มทำแบบทดสอบเลย