UNIT 01

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการบัญชี

ปูพื้นฐานสู่ความเป็นนักบัญชีมืออาชีพ เข้าใจบทบาท กรอบแนวคิด และจรรยาบรรณ

บทนำ

การบัญชี (Accounting) เปรียบเสมือน "ภาษาทางธุรกิจ" (Language of Business) ที่ทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลทางการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการไปยังผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ เพื่อใช้ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงและความซับซ้อนของธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานทางการบัญชี กรอบกฎหมาย และมาตรฐานการรายงานทางการเงิน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สำหรับนักบัญชีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และนักลงทุน

ตอนที่ 1.1: แนวคิดเกี่ยวกับการบัญชี

การทำความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐานของการบัญชีเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการศึกษาศาสตร์แขนงนี้ เนื้อหาส่วนนี้จะอธิบายถึงนิยาม ความหมาย และองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้นักบัญชีแตกต่างจากผู้ทำหน้าที่เพียงแค่บันทึกข้อมูล

1.1.1 ความหมาย ลักษณะ ประโยชน์ และประเภทของการบัญชี

ความหมายของการบัญชี (Accounting Defined)

มีคำนิยามของการบัญชีจากหลายสถาบันชั้นนำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการและบทบาทที่เปลี่ยนไปของการบัญชีในแต่ละยุคสมัย:

  • สมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งสหรัฐอเมริกา (AICPA): นิยามว่า "การบัญชีคือศิลปะของการจดบันทึก (Recording) การจัดหมวดหมู่ (Classifying) และการสรุปผล (Summarizing) ในรูปของตัวเงิน ซึ่งเกี่ยวกับรายการและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ และการตีความผลการปฏิบัตินั้น"
  • สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์: ให้ความหมายว่า "ศิลปะของการเก็บรวบรวม บันทึก จำแนก และทำสรุปข้อมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตัวเงิน ผลงานขั้นสุดท้ายของการบัญชีคือการให้ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่ายและผู้ที่สนใจในกิจกรรมของกิจการ"
กระบวนการทางบัญชี

วงจรการบัญชี (Accounting Cycle)

กระบวนการทางบัญชีไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นวงจรที่ต่อเนื่อง ดังนี้:

  1. การรวบรวม (Collecting): เก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรายการค้า
  2. การจดบันทึก (Recording): บันทึกรายการลงในสมุดรายวันขั้นต้น
  3. การจำแนก (Classifying): ผ่านรายการไปยังสมุดบัญชีแยกประเภท
  4. การสรุปผล (Summarizing): จัดทำงบทดลองและกระดาษทำการ
  5. การรายงาน (Reporting): จัดทำงบการเงิน
  6. การตีความ (Interpreting): วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ

1.1.2 หน่วยงานธุรกิจกับข้อมูลทางการบัญชี

รูปแบบของหน่วยงานธุรกิจที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อโครงสร้างทางบัญชีและการรายงานทางการเงินที่แตกต่างกันด้วย

กฎหมาย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.)

มาตรา 1012: สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท คือสัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น


ประเภทของธุรกิจตาม ปพพ.:

  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ: รับผิดร่วมกันในหนี้สิน "โดยไม่จำกัดจำนวน"
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด: มีหุ้นส่วนทั้งแบบจำกัดความรับผิดและไม่จำกัดความรับผิด
  • บริษัทจำกัด: ผู้ถือหุ้นรับผิด "จำกัด" เพียงมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบ (มาตรา 1096)

1.1.3 สถาบันและกฎหมายเกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชี

การประกอบวิชาชีพบัญชีในประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ:

  • สภาวิชาชีพบัญชี (TFAC): ออกมาตรฐานและจรรยาบรรณ
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD): รับจดทะเบียนและรับงบการเงิน
  • กรมสรรพากร (RD): ตรวจสอบภาษีอากร
พ.ร.บ. การบัญชี 2543

หน้าที่ของผู้ทำบัญชี (มาตรา 20)

ผู้ทำบัญชีต้องจัดทำบัญชีเพื่อให้แสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี หากฝ่าฝืนมีโทษปรับทางอาญา

ตอนที่ 1.2: กรอบแนวคิดและมาตรฐานการรายงานทางการเงิน

เพื่อให้งบการเงินของกิจการต่างๆ สามารถเปรียบเทียบกันได้และเป็นที่ยอมรับ จึงจำเป็นต้องมี "กฎกติกา" กลางที่เรียกว่ามาตรฐานการรายงานทางการเงิน ซึ่งมีรากฐานมาจากกรอบแนวคิดทางบัญชี

1.2.1 กรอบแนวคิดสำหรับการรายงานทางการเงิน

กรอบแนวคิดเป็นแนวคิดพื้นฐานในการจัดทำและนำเสนองบการเงิน ช่วยให้ผู้จัดทำงบการเงินมีแนวทางปฏิบัติในเรื่องที่ยังไม่มีมาตรฐานรองรับ และช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจความหมายของข้อมูล

ทฤษฎีบัญชี

ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูล (Qualitative Characteristics)

  • ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ (Relevance): ข้อมูลต้องมีนัยสำคัญ ช่วยพยากรณ์อนาคตได้
  • ความเป็นตัวแทนอันเที่ยงธรรม (Faithful Representation): ข้อมูลต้องครบถ้วน เป็นกลาง และปราศจากข้อผิดพลาด
  • ลักษณะเสริม: เปรียบเทียบกันได้, พิสูจน์ยืนยันได้, ทันเวลา, เข้าใจได้

1.2.2 มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (TFRS)

เปรียบเทียบ

PAEs vs NPAEs

  • PAEs (ส่วนได้เสียสาธารณะ): เช่น บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ต้องใช้ TFRS ชุดใหญ่ (Full IFRS) ที่มีความซับซ้อนสูง
  • NPAEs (ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ): เช่น ธุรกิจครอบครัวทั่วไป ใช้ TFRS for NPAEs (ชุดเล็ก) ที่ลดความซับซ้อนลง เหมาะกับกิจการขนาดกลางและเล็ก

1.2.3 งบการเงิน (Financial Statements)

ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (TAS 1) งบการเงินฉบับสมบูรณ์ประกอบด้วย:

  1. งบแสดงฐานะการเงิน
  2. งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
  3. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
  4. งบกระแสเงินสด (เฉพาะ PAEs)
  5. หมายเหตุประกอบงบการเงิน

ตอนที่ 1.3: เอกสารและสมุดบัญชี

1.3.1 เอกสารทางบัญชี

เอกสารทางบัญชีเป็นจุดเริ่มต้นของความน่าเชื่อถือ แบ่งเป็นเอกสารภายนอก (เชื่อถือได้มากสุด), เอกสารภายในที่ส่งออกภายนอก, และเอกสารภายใน

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ใบกำกับภาษี (Tax Invoice)

ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ใบกำกับภาษีต้องมีรายการครบถ้วน เช่น คำว่า "ใบกำกับภาษี", เลขผู้เสียภาษี, ชื่อที่อยู่ผู้ซื้อ-ผู้ขาย, รายการสินค้า และจำนวนภาษีที่แยกชัดเจน

1.3.2 สมุดบัญชี

  • สมุดรายวันทั่วไป: บันทึกรายการเปิด-ปิด รายการปรับปรุง
  • สมุดรายวันเฉพาะ: ซื้อ, ขาย, รับเงิน, จ่ายเงิน (ใช้สำหรับรายการที่เกิดบ่อย)
  • บัญชีแยกประเภท (Ledger): จัดหมวดหมู่บัญชีเพื่อหายอดคงเหลือไปทำงบการเงิน